การพาสเจอร์ไรส์ เป็นวิธีการถนอมอาหาร/เครื่องดื่ม ในกรณีนี้คือ เครื่องดื่มสุขภาพแบบชั่วคราววิธีหนึ่งที่ได้ประสิทธิภาพที่ดี โดยใช้ความร้อนประมาณ 60-80 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ กล่าวคือ จะทำให้เครื่องดื่มสุขภาพเน่าเสียได้ช้าลง ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งคุณที่เป็นเจ้าของธุรกิจ และผู้บริโภคอย่างแน่นอน
การทำพาสเจอร์ไรส์ กับเครื่องดื่มสุขภาพ โดยเฉพาะ เครื่องดื่มสมุนไพร และน้ำผลไม้ จึงถือเป็นเรื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์ จะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
แล้วการพาเจอร์ไรส์ มีความสำคัญอย่างไร กับธุรกิจเครื่องดื่มสุขภาพ ?
-
ใช้ถนอมอาหาร / ยืดอายุของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพ
การพาสเจอร์ไรส์ เป็นการถนอมอาหารชั่วคราวที่ดีวิธีการหนึ่ง กล่าวคือ จะทำให้เครื่องดื่มสุขภาพ ในแบรนด์ของของคุณ จะมีอายุได้ยาวนานขึ้น ไม่เน่าเสียนั่นเอง
-
ผลิตภัณฑ์จะมีความสดใหม่ กลิ่น และรสชาติชวนดื่ม เป็นธรรมชาติ
สำหรับขั้นตอนการพาสเจอร์ไรส์ จะต้องอยู่ในการควบคุมของผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการพาสเจอร์ไรส์อาจทำให้สี กลิ่น และรสชาติของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพเปลี่ยนไปได้ หากทำผิดขั้นตอน
-
เพิ่มความสะดวกในการกระจายสินค้า และการขนส่ง
เมื่อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพ มีอายุที่ยาวนาน และเสียได้ช้าลงแล้ว แน่นอนว่าความสะดวก และศักยภาพในการกระจายสินค้าเพื่อส่งขายทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งส่งต่างประเทศ เป็นไปได้อย่างที่คุณต้องการแน่นอน
การพาสเจอร์ไรส์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธี ได้แก่
- การต้มน้ำเครื่องหลังปรุงรสให้เดือด แล้วบรรจุลงขวดพลาสติกขณะร้อน โดยต้องใช้ขวดพลาสติกที่ทนความร้อนได้ แล้วปิดฝาทันที ในระหว่างการบรรจุควรอุ่นน้ำผลไม้ให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา โดยการตั้งไฟอ่อนๆไว้ตลอด แล้วนำขวดที่บรรจุน้ำผลไม้เรียบร้อยแล้วลงแช่ในน้ำเย็นจัด (ใช้น้ำแข็งผสมน้ำ) โดยวางขวดให้ขวดจมอยู่ในน้ำเย็นจัด จนขวดเย็นสนิท จึงนำขึ้นไปเก็บต่อในตู้แช่เย็น
- การนำน้ำเครื่องดื่มสุขภาพหลังปรุงรสแล้ว บรรจุลงขวดพลาสติก ปิดฝาทันที แล้วนำขวด ไปต้มที่อุณหภูมิ 65 – 70 oC นาน 20 - 30 นาที เมื่อครบเวลาให้นำขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นจัด (ใช้น้ำแข็งผสมน้ำ)โดยวางขวดให้ขวดจมอยู่ในน้ำเย็นจัด จนขวดเย็นสนิท นำขึ้นไปเก็บรักษาต่อในตู้แช่เย็น
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้วิธีการพาสเจอร์ไรส์เครื่องดื่มสุขภาพ ด้วยความร้อนระดับใด เจ้าของแบรนด์จะต้องมีความเชี่ยวชาญในการเลือกหรือกำหนดตามความเหมาะสมของเครื่องดื่มสุขภาพนั้นๆ เช่น
- เหมาะสมจะใช้อุณหภูมิสูงจนถึงระดับเดือดได้หรือไม่
- หากอุณหภูมิสูงมีผลทำให้สีสัน กลิ่น หรือรสชาติของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงได้ ควรเลือกใช้ความร้อนที่อุณหภูมิต่ำแต่เวลานานแทน ซึ่งควรอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ